หนูนากับหนูเมือ                

                   หนูนากับหนูเมืองเป็นเพื่อนรักกัน  วันหนึ่งหนูเมืองไปเยี่ยมหนูนาตามคำเชิญ บ้านของหนูนาอยู่ในโพรงดินที่คับแคบหนูนานำอาหารอย่างดีที่สะสมไว้มาเลี้ยงหนูเมือง มีทั้งข้าวโพด ถั่ว เศษเนื้อและผลไม้   "กินตามสบายเลยเพื่อน รู้ไหมเราดีใจแค่ไหนที่เพื่อนอุตส่าห์เดินทางมาเยี่ยมเยือน"

หนูนากล่าวอย่างกันเอง แต่หนูเมืองมีท่าทางไม่ค่อยมีความสุขเท่าใดนัก   "เราไม่เข้าใจเลย.."  หนูเมืองกล่าวเสียงเนือยๆ 

"ว่าทำไมเพื่อนถึงต้องมาทนอุดอู้อยู่ในรูแคบๆ และกินอาหารที่ไม่มีรสชาดเช่นนี้ คฤหาสน์หลังใหญ่ในตัวเมืองที่ฉันอาศัยอยู่มีทั้งอาหารสด อาหารคาว ขนมนมเนยสารพัดอย่าง เพื่อนหนีความทุกข์ยากไปอยู่ด้วยกันดีกว่า"   หนูนาคิดอยากมีชีวิตที่สุขสบายอย่างหนูเมืองจึงตกลงจะไปอยู่กับเพื่อนรักในคฤหาสน์หลังใหญ่ เมื่อเดินทางมาถึงหนูเมืองรีบพาหนูนาเข้าไปในห้องครัวทันที หนูนารู้สึกตื่นเต้นเพราะเครื่องประดับตกแต่งทุกชิ้นเป็นของมีค่าราคาแพงและสวยงาม อาหารที่คนรับใช้ของเศรษฐีจัดไว้ล้วนแต่ของดีๆที่หากินได้ยากในท้องถิ่นชนบท ไม่ว่าจะเป็นหมูเห็ดเป็ดไก่หรือขนมนมเนย หนูนากับหนูเมืองไต่ขึ้นไปบนโต้ะและชิมอาหารทุกจานอย่างเอร็ดอร่อย

แต่ทันใดนั้นประตูห้องครัวก็เปิดออก เศรษฐีเจ้าของคฤหาสน์พร้อมทั้งลูกๆกลับมาจากภายนอก เมื่อเห็นหนูทั้งสองตัวจึงรีบตะโกนให้คนรับใช้รวมทั้งเจ้าแมวหง่าวช่วยกันขับไล่ หนูเมืองพาหนูนาวิ่งเข้าไปหลบในรูของกำแพงคฤหาสน์โดยมีเจ้าแมวหง่าวนั่งคุมเชิงอยู่ปากรู  เมื่อเศรษฐีและลูกๆกินอาหารอิ่มและออกไปจากห้องครัว หนูเมืองจึงหันมากล่าวชวนหนูนา "เราออกไปกินเศษอาหารที่ตกอยู่บนโต้ะและตามพื้นกันดีกว่า ตอนนี้เจ้าแมวเหมียวคงไปหาที่นอนของมันแล้ว"  แต่หนูนาได้รีบเก็บข้าวของแล้วเดินทางกลับท้องทุ่งอันเป็นถิ่นที่อยู่เดิมของตนทันที

 

                          นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้ต้องอยู่อย่างยากไร้ทุกข์ทนแต่ปลอดภัย

                               ย่อมดีกว่าอยู่อย่างสะดวกสบายแต่เต็มไปด้วยภัยอันตราย