u v w x
หน้า 1
บริดจ์ BRIDGE
(รวม 10 หน้า)
บริดจ์โดยทั่วไปแบ่งการแข่งขันออกเป็นสองแบบคือ แบบคู่ และ แบบทีม โดยแบบคู่ใช้ผู้แข่งขัน 2 คน
และแบบทีมใช้ผู้แข่งขัน 4 คนกับให้มีสำรองอีกสองรวมเป็น 6 คน บทเรียนนี้จะว่ากันเฉพาะแบบทีมซึ่งแบ่ง
ออกเป็น
แบบโอเพ่นทีม (Open Team)
.ไม่จำกัดเพศ-วัย
แบบเลดี้ส์ทีม (Ladies Team)
..สำหรับผู้หญิงไม่จำกัดวัย
แบบมิกซ์ทีม (Mix Team)
...จำกัดให้หญิงคู่กับชาย
ทีมหนึ่งกำหนดให้มีผู้แข่งขันได้ไม่เกิน 6 คน แต่ขณะแข่งขันจะใช้เพียง 4 คน เพื่อต่อสู้กับอีกทีมหนึ่งและแข่งขันกัน
ในบริเวณที่กำหนด มักจะเป็นสนามติดแอร์ ซึ่งห้ามส่งเสียงดัง ห้ามสูบบุหรี่หรืออาการแบบว่าไม่สุภาพต่างๆ
ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้สนามแข่งขันบริดจ์ไม่เป็นที่สนใจหรือแพร่หลายเท่ากับสนามบริดจ์ในอินเตอร์เน็ท
สนามแข่งขันจะกั้นแบ่งเป็น 2 ฟากตามรูปข้างล่างนี้
W
5
4
3
2
S 1 N
E
S นี่คือคุณนั่งทิศใต้
โอเพ่นรูม
โคล้สรูม
W
5
4
3
2
S
1
N
E
ทีม 4 คนของคุณจะนั่งใน Open
Room 2คน ใน Close
Room 2คน
ผู้ชมจะชมได้ในโอเพ่นรูม ส่วนโคลสรูมห้ามเข้า และขณะนี้ทีมของคุณกำลังแข่งอยู่กับทีมปรปักษ์ที่โต้ะ 1
คุณนั่งทิศ S และคู่ขาของคุณนั่งทิศ N ในโอเพ่นรูม ส่วนทีมเหมท(Team mate)อีกคู่ของคุณ นั่ง E และ Wในโคลสรูม
ซึ่งโต้ะ 1 ทั้งสองโต้ะจะได้ไพ่ที่ก้อปปี้กันแล้วบรรจุตลับมาให้เล่น (โต้ะอื่นๆก็เช่นกัน ) เพื่อวัดฝีมือกันตรงๆว่าโต้ะ 1 ทั้ง
สองโต้ะซึ่งมีไพ่ที่ก้อปปี้เหมือนกันนั้นทีมคุณกับทีมปรปักษ์
ทีมใดจะกินตองได้มากกว่า (ทีมอื่นซึ่งนั่งโต้ะอื่นๆก็เช่นกัน)
ผู้กินตองมากกว่าก็เป็นผู้ชนะในไพ่กระดานนี้
u v w x หน้า 2
ดึง
W
นี่เป็นตลับใส่ไพ่สำหรับใช้บนโต้ะแข่งขัน
ดึง S Board No 12
N
ดึง
Dealer คือผู้เริ่มประมูลเป็นคนแรก
Dealer E
Board No 12 คือกระดานที่ 12
ดึง
ซึ่งครั้งหนึ่งๆจะแข่งหลายกระดาน
แต่ละคนจะได้รับไพ่ 13 ใบ
จะมีคนใดคนหนึ่งได้ลงไพ่บนโต้ะ 1 ใบก่อน และวนซ้าย คนซ้ายมือถัดไปจะลงตาม 1ใบด้วย และคนต่อๆไป
ทุกคนต้องลงดอกเดียวกับที่คนแรกลง และเมื่อครบทั้ง 4 คน ก็ดูว่าใครลงไพ่ตัวใหญ่สุดคนนั้นก็จะได้กินในตองแรกนี้
และคนกินก็จะได้ลงไพ่ใบต่อไป จะเป็นเลขหรือดอกอะไรก็ได้ กฎคือคนต่อๆไปต้องลงไพ่ดอกนั้นด้วย ห้ามลงดอกอื่น
นอกจากไม่มีดอกนั้นจึงลงดอกอื่นได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ได้กินแม้จะเป็นเลขที่ใหญ่กว่าก็ตาม
A เป็นตัวใหญ่สุด ,K รองลงมา,Q,J,10,9,8 3,2 เล็กลงมา ตามลำดับ
วนซ้าย 1
0v
N
10 v เป็นคนที่ได้กินตองนี้
คนถัดไป 8v W
E 2v
และจะเป็นผู้ลงไพ่ใบต่อไป
S ทิศ N ได้กินก็คือทีมนี้ (N-S)ได้กิน
3v
วนซ้าย
คนแรกที่ลงไพ่
ใครลงไพ่ตัวใหญ่สุดก็ได้กินและได้ลงไพ่ใบต่อไป กินกันไปๆมาๆจนไพ่หมดมือแล้วก็มานับดูว่าสำหรับโต้ะ 1นั้นไพ่
กระดานเดียวกันนี้ ระหว่างโอเพ่นรูมกับโคลสรูม ทีมคุณกับปรปักษ์ใครกินตองได้มากกว่ากัน แล้วแปลงผลเป็นคะแนน
แพ้-ชนะแต่ละกระดานๆไป แข่งกันไปจนครบจำนวนกระดานที่กำหนดก็จะได้ผู้แพ้-ชนะออกมา จะแข่งแบบพบกันหมด
ทุกทีมเหมือนบอลล์เก็บคะแนนหาผู้เข้ารอบต่อไป
u v w x
หน้า 3
วิธีการข้างบนนั้นเป็นการเล่น (Play) แบบไม่มีโจ้ก
(No-Trump) ซึ่งในบริดจ์มีการเล่นอยู่แค่
2 แบบคือ
แบบมีโจ้ก (Trump) และแบบไม่มีโจ้ก (No-Trump)
v การเล่นแบบ ไม่มีโจ้ก ก็คือที่อธิบายไปแล้วนั้น
คือตัวใหญ่กินตัวเล็ก
ใครจะเอาดอกอื่นมากินดอกนี้ไม่ได้
v ส่วนการเล่นแบบ มีโจ้ก ก็ตรงกันข้ามคือตัวใหญ่กินตัวเล็กเหมือนเดิม แต่ หากไพ่คุณไม่มีดอกนั้น ล่ะ ?
ก้อ
เอาโจ้กลงมากินได้เลย
แม้ตัวเลขจะเล็กกว่าเขา
เช่นเอาเลข 2 โจ้ก ลงมากิน 10โพแดงได้เลย เพียงกำหนดว่า
คุณต้องไม่มีดอกโพแดง
.หรือมี แต่หมดไปแล้ว
x
?..แล้วดอกอะไรคือโจ้ก
.แล้วใครจะได้ลงไพ่ก่อนเพื่อน
.?
v ก่อนการลงไพ่บนโต้ะนั้น
ต้องมีการประมูลเพื่อแย่งกันว่าจะให้ดอกอะไร เป็นโจ้ก
เพราะมันเหมือนตัววิเศษที่มีฤทธิ์นิดนึง
ดังนั้นคุณและพาร์ทเน่อร์ต้องช่วยกันเลือกเอาไพ่ดอกที่พวกคุณมีเยอะๆตัว มาประมูลเสนอให้เป็นโจ้ก
ซึ่งปรปักษ์ก็พยามอยู่เช่นกัน
การประมูลก็เหมือนประมูลซื้อของ คือต้องเสนอราคาที่สูงกว่าคู่แข่งขัน เกกันไปๆ มาๆ จนกว่าอีก 3 คนที่เหลือ
จะยอมแพ้นั่นแหละจึงจะจบและถือว่าคำตอบสุดท้ายนั้นคือ สัญญา ของคนแข่งขันทั้ง 4 คนบนโต้ะ
ตัวอย่างเช่นคุณมีv
เยอะๆและอยากให้ v มาเป็นโจ้ก คุณจะต้องประมูลโดยเขียนใส่ SLIP บนโต้ะให้ทุกคนเห็นว่า
ไพ่กระดานนี้คุณจะกินให้ได้กี่ตอง (จากจำนวนทั้งหมด 13
ตอง)
เช่นเสนอว่า 1v ก็แปลว่าคุณและพาร์ทเนอร์สัญญาว่า
กระดานนี้จะช่วยกันกินให้ได้
7 ตอง ( 1vที่ขียนลงไปนั้นคือสัญญาที่คุณและพาร์ทเนอร์ต้องช่วยกันรับผิดชอบ)กฎของการ
ประมูลจะถือว่าให้เริ่มจากครึ่งราคา (ครึ่งของ 13 ตอง ) คือที่ 6ตอง
ดังนั้น 1v
ที่เขียนลงไป หมายถึง 1+6=7 ตองซึ่ง
ทั้งโต้ะต้องยอมรับว่าการแข่งขันรอบนี้จะใช้ v เป็นโจ้ก
ใครไม่ยอมก็เกทับมา
แต่ต้องให้ราคาที่สูงขึ้นกว่านี้นะเช่น
คนซ้ายมือคุณอาจจะเกมาว่า 2
x ซึ่งแปลว่าคู่เขาจะกินให้ได้ 8
ตองโดย ทั้งโต้ะจะใช้ x เป็นโจ้ก
แล้วก็วนไปถึง
พาร์ทเน่อร์ของคุณซึ่งเขาอาจเสนอว่า 3 w เนื่องจากเขามีไพ่ชุด w เยอะกว่าชุดอื่นๆ
ซึ่งคุณเองอาจจะมีwแค่ ใบเดียว
หรือไม่มีเลย
นั่นคือเริ่มยุ่ง
. และคำประมูลที่สูงที่สุดก็คือ
7 ใดๆ
แล้วจะจบที่ 7 อะไร ? 7 อะไรจึงใหญ่สุด ?
u v w x
หน้า 4
ปัญหามีอยู่ว่า
...คุณไม่มีไพ่ในดอกที่คู่ขามี
.คุณไม่เห็นไพ่ในมือของคู่ขา
.แล้วก็ไม่รู้ว่าควรประมูลสูงสักกี่ตอง
หรือว่าจะไม่ประมูล แล้วปล่อยให้ปรปักษ์มันประมูลกันไป
.
ปัญหานี้ออกจะยาก
ให้คุณแก้เองแล้วกัน
มันน่าจะมีไพ่สักดอกหนึ่งที่คุณและคู่ขามีรวมกันเป็นจำนวนที่มากกว่าปรปักษ์
และถ้าได้เห็นไพ่ในมือของคู่ขาก็ดีนะซี
ต้องมีหลักการอะไรสักอย่างที่จะกะได้ว่าจะประมูลกินสักกี่ตอง
.ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ปรปักษ์รังแกอยู่ฝ่ายเดียว
เห็นจำต้องใช้วิชามารซะละมั้ง ?
ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก
หากคุณมีซิกกับคู่ขาล่ะ ?
ส่งซิกกับคู่ขาโดยปรปักษ์ไม่รู้เรื่องนั้นไม่สุภาพเลย
แต่ส่งซิกโดยรู้กันหมดแม้กระทั่งผู้ชมนั้นสนุกชวนเฮได้เหมือนกัน
และก็เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับบริดจ์เลยแหละ รู้ไหม BRIDGE ที่แปลว่าสะพานน่ะ สะพานที่เชื่อมสองฝั่งระหว่าง
คุณกับคู่ขาน่ะมันช่วยให้คุณทั้งคู่ก้าวขึ้นมายืนกินลมชี้ชมอุปสรรคที่สวยงามโดยมีปรปักษ์งุดไปงุดมาอยู่เบื้องล่างนั่นแน่ะ
นักบริดจ์ทั่วโลกล้วนใช้ซิกแนลระหว่างคู่ โดยเป็นซิกที่สากลยอมรับทั่วกัน ซึ่งเรียกว่า ระบบ (System)
ระบบเองก็มีหลากหลาย คุณเองก็เขียนขึ้นมาใหม่ได้
แล้วก็นำออกมาสู่สังคมบริดจ์ในเมืองไทยก่อนแล้วค่อยๆพัฒนาต่อไป
ระบบที่จะนำมาใช้เป็นพื้นฐานสอนคุณ ณ
เบื้องต้นนี้เป็นระบบมาตรฐานสากลที่คุณสามารถนำออกเล่นคู่กับคนได้ทั้งโลก
เรียกว่า THE NATURAL
SYSTEM แต่จะใช้ใต้ Convention ที่ง่ายต่อผู้เริ่มต้นที่เรียกว่า Five Cards Major And
Four Cards Diamond แต่ก่อนอื่นขอให้มองเห็นภาพรวมบนโต้ะแข่งขันกันเสียก่อน คือเมื่อเริ่มการแข่งขัน
v ดึงไพ่จากบอร์ดออกมาดู
ไม่ให้ผู้แข่งขันอื่นเห็น
v เริ่มประมูลแข่งกันจนได้สัญญาสุดท้าย
.ว่าจะกินกี่ตองและกระดานนี้ใช้ดอกอะไรเป็นโจ้ก
v เริ่มทิ้งไพ่ใบแรกบนโต้ะ
เลขหรือดอกอะไรก็ได้ และวนซ้ายไปทีละคน โดยบังคับว่าต้องลงไพ่ดอกเดียวกับที่คนแรกสุดลง
v ครบ 4
คน
ใครใหญ่ก็เป็นคนได้กินและได้เป็นผู้ลงไพ่ใบที่สอง
เลขอะไรก็ได้
ดอกอะไรก็ได้และผู้อื่นต้องลงดอกนั้นด้วย
v ผู้ที่ใหญ่สุดในรอบนี้ได้กิน และได้ลงไพ่ใบที่สาม
..2 คนทีมเดียวกันใครกินก็เท่ากับได้กินด้วยกัน
v ผู้ที่ใหญ่ที่สุดในรอบนี้ได้กินและ
.
v ผู้ที่ใหญ่ที่สุดในรอบนี้ได้กินและ
.
v จนไพ่ทั้ง 13 ใบนั้นหมดมือไปแล้ว จึงนับดูว่าผู้ที่ได้ให้สัญญาว่าจะกินให้ได้เท่านั้นเท่านี้ตองนั้น ทำได้ดังคุยไว้ไหม
หากทำได้หรือทำได้เกินสัญญาก็ได้คะแนนไป หากทำไม่ได้ ก็เสียคะแนนไปตามจำนวนตองที่ขาดนั้น
(กินไม่ครบตามสัญญาเรียกว่า ตก(Down)
ขาดไป 1 ตองก็เรียกว่า ตก
1ขาด 2 ก็ตก2ขาดมากก็ตกมาก)
แล้วจะประมูลสูงๆไปทำไม สูงมากก็ตกมาก หวาดเสียว รู้สึกว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวด้วย
หมายเหตุ สมมุติว่าคู่ N-S ประมูลไปจนจบสัญญาลงที่ 4v โดยไม่ว่าจะจบลงที่ N หรือที่ S ให้ถือว่าคนที่เขียน v ก่อน
จะเป็นผู้ได้เล่นไพ่
(Player) และคนที่จะได้ลงไพ่ใบแรกในวงคือคนที่นั่งซ้ายมือของ
Player นี้
u v w x
หน้า 5
หน้านี้มาดูกฎเกณฑ์และธรรมชาติง่ายๆของบริดจ์
ไพ่ทั้งสำรับมี 52 ใบ แบ่งเป็น 4 ชุด คือ โพดำ,โพแดง,เหลี่ยม,จิก
บริดจ์จัดลำดับศักดิ์ของไพ่เรียงจากใหญ่ไปเล็กดังนี้
โนทรั้มพ์ No-Trump = NT
ให้ โนทรั้มพ์มีศักดิ์สูงสุด
โพดำ
Spade
= S
รองลงมาคือโพดำ
โพแดง
Heart
= H
โพแดง และ เหลี่ยม
และ จิก
เหลี่ยม
Diamond
= D
ตามลำดับ
จิก
Club
= C
โนทรั้มพ์ ไม่ใช่ชุด (ดอก) ของไพ่ แต่เป็นรูปแบบ
แบบหนึ่งของการเล่นไพ่
และให้แต้มของไพ่ดังนี้
A = 4 HCP.
A
มีศักยภาพในการกินที่สูงสุดจึงได้ไป 4 แต้ม (High Cards
Points
HCP.)
K = 3 HCP.
ตัวที่มีศักยภาพต่ำกว่า
ก็ใด้น้อยลงมาตามส่วน
Q = 2 HCP.
รวมทั้งสำรับ ก็มี 40 แต้ม
J =
1 HCP.
หลักโง่ๆตามธรรมชาติที่พบเห็นอยู่คือ มีแต้มมากก็กินตองได้มาก มีแต้มน้อยก็ . . . นั่นแหละ
แต้ม (Points ) เหล่านี้เป็นเครดิต
เป็นเกรดของไพ่
ไม่ใช่คะแนนไม่เกี่ยวกับผลแพ้-ชนะ
คุณและคู่ขาควรใช้มันเพื่อประมาณการตองที่คุณจะได้กิน
เช่นหากคุณกับคู่ขามีแต้มรวมกัน
20 แต้ม (เท่ากับคู่ปรปักษ์)
คุณควรกินตองได้สักครึ่งสำรับ
คือ 6-7 ตอง (เท่าๆกับปรปักษ์)
หากคุณ
40 แต้ม
.. คุณ ต้อง กินได้หมดทั้ง 13 ตอง
ที่บอกว่าต้องกินได้หมดทั้ง 13 ตอง
ก็คิดดูเหอะมีแต่ A,K เต็มมือ ประมูล 7NT หากไม่โกงตัวเองจะทำไง ?
หากคุณกับคู่ขามีแต้มรวมกัน 25
แต้ม (ปรปักษ์มี 15 แต้ม)
คุณควรกินได้ 9-10 ตอง
ทำนองกลับกัน
หากปรปักษ์มีแต้มแบบข้างบนนั้นบ้างล่ะ ?
เขาก็สมควรทำได้แบบคุณเช่นกัน
แต่ มันก็ขึ้นกับความโง่ของคนด้วยอีกนั่นแหละ เสน่ห์ของบริดจ์ส่วน
ใหญ่ก็อยู่แถวๆนี้เอง
ใครรอบคอบกว่ากัน ใครรอบรู้กว่ากัน ใครเทคนิคสูงกว่า
และที่สำคัญคือ ใครพลาดน้อยกว่า
ฝากไว้ก่อนเหอะบริดจ์ไม่ได้แข่งแค่กระดานเดียว
คะแนน
จะให้กับการกินตอง No-Trump และ Major ตองละ 30 คะแนน , Minor ตองละ 20 คะแนน
โบนัส..จะเป็นคะแนนแถมให้เมื่อประมูลสูงในระดับหนึ่ง
โบนัส 300 คะแนนจะให้กับการประมูล (และต้องกินได้ครบ)
เมื่อประมูล No-Trumpในระดับ 3 (ต้องกินได้ 9 ตอง
.ไม่ยากนัก)
เมื่อประมูลชุด Major ในระดับ 4 (ต้องกินได้ 10 ตอง
..ก็ไม่ยาก)
จะได้โบนัส 300คะแนน
เมื่อประมูลชุด Minor ในระดับ 5 (ต้องกินได้ 11 ตอง
ชักเริ่มๆ)
NT เป็นนางสาวไทย มี Major เป็นรองนางสาวไทย มันเป็นอะไรที่ แบบว่านักบริดจ์แต่ละคนต่างนัวเนียจะประมูล
เน้นกันไปที่ No-Trump และ Major
.สงสาร Minor อยู่เหมือนกันสินสอดเธอสูง
u v w x
หน้า 6
ข้างล่างนี้เป็น Bidding
Slip ลองมาประมูลไพ่กันดู
คู่ขาตอบว่า ผ่าน (คือไม่เสนอคำประมูล)
วนซ้าย
ปรปัก์ประมูลขัด 1 โนทรั้มพ์
N
1NT
W
E
S
3NT
1H
วนซ้าย
คุณเป็นคนแรกและเปิดประมูลด้วย 1 โพแดง
1H คุณเสนอไปว่าต่อไปนี้ทุกคนจะใช้โพแดงเป็นทรั้มพ์
(โจ้ก) และคุณกับคู่ขาจะกินให้ได้อย่างน้อย
7 ตอง
1NTปรปักษ์บอกว่าไม่เอาหรอก
ฉันเองดีกว่าฉันและคู่ขาจะเล่นเองและจะกินให้ได้ 7 ตองแต่ต้องแบบว่าไม่มีโจ้กนะ
(ปรปักษ์ประมูลแค่ 1 ได้ ก็เพราะว่า 1NT นั้นใหญ่กว่า 1H)
วนไปถึงคู่ขาคุณ แกบอกว่า ผ่าน ก็คงไม่ทราบเหมือนกันแปลว่าอะไร
? แกเป็นพาร์ทเน่อร์ของคุณ
ไม่ใช่ของผม
ไปถึงคนสุดท้าย อีบอกว่าไอ้ 1NT ที่คู่ขาอีเกมานั้นไม่หนำใจ นี่เยย
เอาไป 3NT เลย
สูงดี
.ก็บอกแล้วสูงน่ะหนาวนะ แต่อีมีเหตุผลของอีว่า
โบนัสที่จะได้หากประมูลแล้วทำได้ตามสัญญาคือ
ระดับ 3NTหรือ 4S,4H,5D,5C = คะแนนที่ได้จากจำนวนตองที่ได้กินไปแล้ว
+ 300 คะแนน (เรียกว่าระดับเกมส์)
ระดับ 6 ต่างๆไม่ว่าชุดดอกอะไร = คะแนนที่ได้จากจำนวนตองที่ได้กินไปแล้ว
+ 800 คะแนน (เรียกว่าระดับสแลม)
ระดับ 7 ต่างๆไม่ว่าชุดดอกอะไร = คะแนนที่ได้จากจำนวนตองที่ได้กินไปแล้ว+
1300คะแนน (เรียกว่าระดับแกรนด์สแลม)
แต่ถ้าประมูลต่ำกว่าเหล่านั้น ๆ = คะแนนที่ได้จากจำนวนตองที่ได้กินไปแล้ว
+ 50 คะแนน มันก็น้อยไม่สมใจแกจริงน่ะแหละ
ไอ้ที่ว่าต่ำกว่านั้นๆคือ
1C,1D,1H,1S,1NT
2C,2D,2H,2S,2NT
3C,3D,3H,3S และ 4C,4D
..พวกนี้โบนัสแค่
50 คะแนน (เรียกว่าระดับ
Part Score)
u v w x
หน้า 7
The Natural System (Five cards major and four cards diamond)
A=4 , K=3
, Q=2 ,
J=1 คงจำยากกว่าเกรดเรียนหนังสือนะ
สำหรับผู้ที่จะเริ่ม เปิดประมูล (Opener) เปิดประมูลก็คือประมูลเป็นคนแรกโดยกรอกตัวเลขใน
Bidding
Slip ไม่ใช่ขีด (ผ่าน)
หากมีแต้มต่ำกว่า 13 แต้ม นั่นจึงควร
(ผ่าน)
สำหรับการเปิดประมูลด้วย
1 ใดๆ อยากโชว์ฝีมือก็ต้องประมูลแบบ
2รอบจบ ไม่ใช่รอบเดียวจบหรือหลายๆรอบ
รอบแรก เมื่อมีแต้ม 13 ถึง 21 แต้ม(ต่ำกว่านี้ให้ขีดผ่าน)
และให้เลือกเปิดประมูลจากชุดใหญ่สุดลงมาหาชุดเล็กสุดทีละลำดับ
เจอข้อไหนโดนใจก่อนก็ใช่เลย ไม่ต้องอ่านต่อไปข้ออื่นๆอีก
เพราะเราตั้งใจเน้นระดับนางสาวไทย
1. เปิด 1NT
(ไพ่ต้อง Balance และมีแต้ม 16 ถึง 18 แต้มเท่านั้น) หากไม่โดนก็ไปข้อต่อไป
2. เปิด 1S (มี S
= 5 ใบขึ้นไป)
หากไม่โดนก็ไปข้อต่อไป
3. เปิด 1H (มี H =
5 ใบขึ้นไป)
หากไม่โดนอีกก็ไปอีก
4. เปิด 1D (มี D =
4 ใบขึ้นไป)
หากไม่โดนก็ต้องเลือกขบวนสุดท้าย
5. แต้มอยู่ในข่ายต้องเปิดประมูลแต่เปิดอะไรๆก็ไม่ได้ ก็ต้องเปิดด้วย 1C แม้จะมี C แค่ 2 ใบก็ตาม
Balance หมายถึงไพ่
13 ใบในมือนั้น เฉลี่ยๆกัน คือมีจำนวนชุดละ 4-3-3-3 หรือ 4-4-3-2 ใบ หากต่างจากนี้เรียกว่า ไพ่เอียง
รอบที่สอง แจ้งแต้ม Min./Mid./Max. พร้อมบอกชุดไพ่อีกชุดหากว่ายังมีชุดอื่นอีก
ให้คู่ขารู้ไว้เผื่อเลือก
Min. 13-15 แต้ม - ให้บอกชุดใหม่ไปตามปกติหรือผ่านถ้ายังไม่ชัดเจนแต้มของคู่ขาต้องพูดต่อ
สมัยที่ยังไม่มี Slip ก็ประมูลปากเปล่า
หรือบางจังหวะหาเครื่องขีดเขียนไม่ได้คุณก็สมควรใช้ พูด
Mid. 16-18 แต้ม - ให้พูดชุดใหม่ไปตามปกติ
หรือ Jump ชุด 6 ใบชุดเดิม หรือ Reverse
Max. 19-21 แต้ม - ให้ Jump เปลี่ยนชุด ถ้าไม่มีชุดก็ Jump
NT (มีโอกาสพูด
2Hได้แต่ดันพูด 3H เรียกว่า Jump)
Reverse = ประมูลย้อนหลังเช่นการย้อนไปพูดชุดที่แต่เดิมคุณหรือคู่ขาไม่น่าจะมี(ดูตัวอย่างหน้าถัดไป)
สำหรับผู้ตอบ ( Responder..คือคู่ขาของผู้ที่เปิดประมูล) ให้ตอบแค่ 2รอบก็จบ
คือก็อยากโชว์มั่ง
(ในกรณีที่คู่ขาเปิดประมูลมาด้วย
1C , 1D , 1H , 1S สำหรับ1NTให้ดูในวิธีตอบสำหรับ 1NTในหน้า9 )
รอบแรก ตอบแจ้งแต้ม และ รูปไพ่ในมือ
ถือว่าไม่มีแต้ม
0-5 แต้มต้อง
(ผ่าน)
แต้มน้อย 6-9 แต้มให้ตอบได้แค่ 1ต่างๆ ห้ามตอบ 2 ใดๆยกเว้น
Limited Bid (Bidแปลว่าประมูล)
แต้มมาก 10-Up แต้มให้ตอบ 1ต่างๆ ห้าม1NT ห้าม2ในชุดที่คู่ขาพูดมาหากหมดหนทางก็ตอบ
2ในชุดอื่นที่มี
(ชุดคือ 4ใบขึ้นไปตามสัญญานะ)
..หรือไม่ก็ให้ Limited Bid
Limited bid คือขานรับชุดที่คู่ขาบอกมา คู่ขาพูดS เราก็S คู่ขา H เราก็ Hด้วย
โดยขานรับในระดับ 2,3,4 ตามกำลังแต้มที่มี
จะรับชุดของคู่ขาได้นั้นเรา 2คนรวมกันต้องมี
8ใบขึ้นไปจึงจะได้เปรียบปรปักษ์ เพราะปรปักษ์จะมีน้อยกว่าเรา
แต้มน้อย
.6-9 แต้มให้ตอบ 2
แต้มมาก
.10-11
แต้มให้ตอบ 3
แต้มเกมส์
12-13แต้มให้ตอบ 4(ถ้าเกินมี13แต้มให้ตอบเลี่ยงไปชุดอื่นก่อนอย่าเพิ่งตอบรับชุดจริงๆชุดนี้เพื่อเตรียมไปสแลม)
รอบที่สอง ให้ปิดการประมูลโดยเลือกชุดที่โดนใจเราทั้งสองที่สุดแล้วซึ่งจะประมูลระดับ 2,3,4,5,6,7 ก็สุดแต่
กำลังแต้มของสองคนรวมกันตามที่บอกไว้ก่อนหน้านี้
u v w x
หน้า 8
ภาพรวมของการประมูล
ผู้จะเริ่มเปิดประมูล
แต้มน้อยกว่า 12 ต้องผ่าน และ
แต้มมากกว่า 12 ต้องเปิด
แล้วถ้า 12 พอดีล่ะ ?
.มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าปรปักษ์มืออ่อนกว่าก็เปิดได้เลย
ข้อสังเกตุ
สำหรับการประมูล
v ผู้เปิดประมูล
รอบแรกให้แจ้งว่าอยู่ในข้อใด (จาก 1 ถึง 5) รอบสองแจ้ง Min, Mid, Max. จบ
v ผู้ตอบประมูล
เมื่อคู่ขาเปิดประมูลมาแล้ว สิ่งแรกสุดที่ผู้ตอบประมูลต้องทำคือคิดว่า
รวมแต้มกับคู่ขาแล้วเกมส์หรือเปล่า ?
ถ้าไม่เกมส์ก็ผ่านไปเลย
ถ้าเกมส์ก็ยิงเกมส์เลย
ถ้าไม่แน่ใจก็ต้องพูดห้ามผ่าน
หากต้องพูด
.รอบแรกให้แจ้งแต้มและรูปไพ่ (ซึ่งมีให้เลือก 3ระดับ) รอบสองสรุปผลปิดการประมูล
ขณะประมูลกันไปๆมาๆอยู่นั้นหากยังนับแต้มคู่ขาไม่ออกว่าแต้มสูง,กลางหรือต่ำจงอย่าหยุดประมูล
v สำหรับผู้ที่จะขัดการประมูล ณ
วันนี้กำหนดให้ขัดได้วิธีเดียวตามแต้มที่มีคือ
10-15 แต้มพร้อมกับมีชุด 5 ใบ Up
ต้องพูดขัดด้วยชุดนั้น
..ถ้ามีไม่ถึง
5ใบให้
ผ่าน
16-Up แต้ม
ขัดด้วยการ (
Doubble แปลว่าขอเพิ่มเดิมพันเป็น 2เท่าถ้าปรปักษ์ทำได้ก็เอาคะแนนไป
2 เท่า
ถ้าตกก็เสีย 2เท่าเหมือนกัน )
การประมูลในระบบนี้เน้นที่จะพูดแต่ชุด
เมเจอร์ และเน้นที่จะพูดเตี้ยๆหากไม่จำเป็นก็จะพูดแค่1จะไม่ข้ามไปพูดในระดับ 2
หรือ3เพราะเป็นการข้ามโอกาสที่จะสื่อสารแบบว่าอะไรที่ละเอียดรอบคอบกว่า
Reverse (การพูดย้อนหลัง) คือพูดชุดที่เคยข้ามไปแล้วเช่นรอบแรกเปิดประมูล 1โพแดงและคู่ขาตอบ 1NT
(ซึ่งคู่ขาควรจะตอบ1โพดำก่อนที่จะ 1NT นั่นก็คือคู่ขาข้ามชุดโพดำไปแล้วและไม่มีชุดโพดำแน่นอนแล้ว)
.ชุด คือ 4 ใบ Up
พอรอบที่สองเราพูดชุดโพดำซะเองทั้งๆที่รู้ว่าคู่ขาข้ามชุดโพดำไปแล้ว
.นี่ก็คือการ Reverse
หรือเปิดประมูลด้วย1C แล้วพอรอบต่อมาก็พูดชุดD..
ซึ่งหากมีชุดD ต้องเปิดประมูลด้วย 1D เพราะ 1D
นั้นอยู่ในข้อ 4ของการเปิดประมูลแต่ 1Cอยู่ข้อ 5
การ Reverse
ช่วยกองไว้ตรงนี้ก่อน
รอคุณกับคู่ขาเชี่ยวชาญการประมูลแล้วค่อยกลับมาศึกษา
ชุด ไพ่ดอกต่างๆภาษาทั่วไปต่อไปจะเรียกว่าชุดรูปแบบที่เฉลี่ยที่สุดของไพ่ 13ใบในมือคือ4-3-3-3และ4-4-3-2ใบ
นอกนั้นก็ค่อยๆเอียงออกเรื่อยๆเป็น4-4-4-1
, 5-3-3-2 , 5-4-2-2 , 5-4-3-1 , 5-4-4-0 , 5-5-2-1 , 5-5-3-0 , 6-3-2-2 , 6-3-3-1
6-4-2-1 , 6-4-3-0 , 6-5-1-1 , 6-5-2-0 , 6-6-1-0
, 7-3-2-1 , 7-3-3-0 , 7-4-1-1
.จนถึง 13-0-0-0 ใบ สังเกตุที่ไพ่ 4-3-3-3นั้น
จะมีชุดไพ่ที่มีจำนวนใบเยอะสุดอยู่ชุดหนึ่งคือ 4ใบ 4ใบนี้จะเรียกว่าชุดหากน้อยกว่านี้ไม่ถือว่าเป็นชุดหากดูไพ่ทั้งหมดข้างบนนี้จะเห็น
ว่าไม่มีHandใดที่จะมีไพ่เป็น3-3-3-3อันหมายความว่าในทุกHandต้องมีชุดและต่อไปนี้จะเรียกไพ่ 4ใบว่าชุด(ชุดปกติ)และที่เกิน 4ใบ
จะเรียกว่าชุดยาวอันหมายถึงยาวเกิน
4ใบ คือ 5,6,7,8
ดังนั้นคำว่าไม่มีชุดยาวก็คือว่าอย่างเก่งก็มีแค่
4ใบ
u v w x
หน้า 9
การตอบเมื่อคู่ขาเปิดประมูลมาด้วย
1NT
การเปิด
1NT เป็นการบอกหน้าตาของไพ่และแต้มที่มีออกมาได้ใสที่สุดกว่าแบบใดๆแบบว่าแก้ให้คุณเห็นหมดเลย
ให้เห็นว่ามี 16-17-18 แต้มเท่านั้นและมีไพ่เป็นชุดละ
4-3-3-3 หรือ
4-4-3-2 ใบเท่านั้นไม่เป็นอื่น
รู้ไพ่ในมือคู่ขาได้ชัดเจนมากคุณจึงควบคุมการประมูลได้ง่ายกว่าการเปิดประมูลแบบอื่น
แต้มไม่ถึงเกมส์คือต่ำกว่า 25แต้ม
และแต้มเกมส์คือ25
แต้มUp
แต้ม Slamคือ33-Up
การตอบ
ถ้าไม่มีชุดเมเจอร์
(คือโพดำและโพแดงมีไม่ถึง 4ใบเลยสักชุดและไพ่ก็อยู่ในแบบเฉลี่ยๆ)
ให้ตอบดังนี้
0-6
ถือว่าไม่มีแต้ม ให้ตอบ ผ่าน
7-8
แต้มน้อย
ตอบ 2NT (ชวนเกมส์เพราะรวมกับคู่ขาแล้วไม่ค่อยแน่ใจว่าเกมส์ได้หรือเปล่า)
9-13 แต้มมาก ตอบ 3NT (ชู้ดเกมส์เพราะรวมกับคู่ขาแล้วเกมส์
..)
14-Up ให้ชวนคู่ขา ไปสู่Slam โดยตอบ 4NT
(4NTเป็นการตอบเลยป้ายไปแล้วเพราะแค่3NTก็เกมส์แล้วนั่นย่อมหมายถึงคุณไม่สนเพียงกะอีแค่เกมส์)
ถ้ามีชุดเมเจอร์
( คือมีโพดำถึง4ใบ หรือมีโพแดงถึง4ใบ หรือมีถึง4ใบทั้ง2ชุด)
ให้ตอบดังนี้
0-6 ถือว่าไม่มีแต้ม
ให้ตอบ ผ่าน
(ถ้าไพ่มีชุดที่ยาวมากๆก็ควรใช้ชุดนั้นเป็นทรั้มพ์คือตอบ 2D,2H,2S,3C
ตามชุดที่มี)
7-8 แต้มน้อย ตอบ 2C (เตรียมตัวจะเล่นแค่ 2ด้วยชุดเมเจอร์ การตอบ2Cเป็นการเปิดทางให้คู่ขาพูดต่ำๆเช่น 2D,2H,2Sได้)
9-13 แต้มมากก็ตอบ 2C (เตรียมตัวจะเกมส์ด้วยชุดเมเจอร์ การตอบ2Cเป็นการเปิดทางให้คู่ขาพูดต่ำๆเช่น
2D,2H,2Sได้)
14-Up แต้มอยู่ในข่าย
Slam ให้ตอบ 2C (เพื่อเตรียมประมูลสัก
6 หรือ 7 ในชุดเมเจอร์)
ถ้าไม่มีชุดเมเจอร์แต่มีไมเนอร์ชุดใดยาว (เยอะใบ)
คือ 6ใบขึ้นไปต้องเล่นชุดไมเนอร์ชุดนั้นเป็นทรั้มพ์จึงจะปลอดภัย
ถ้ามีแต้มมากและต้องการเกมส์ในชุดไมเน่อร์ก็ให้ประมูลเหมือนกับที่มีชุดเมเจอร์ข้างบนนี้เช่นกัน
การประมูลเข้าสู่ระดับ Slam คือจะกิน12-13ตอง ออกจะใช้อาวุธที่มากขั้นตอน
รอคุณเล่นเป็นแล้วจะมีนักบริดจ์ใจดีมาติดอาวุธ
ให้ อย่างแน่นอน
เมื่อเปิด1NTมาแล้วและก็ตอบประมูลไปแล้วก็วนไปถึงผู้เปิดประมูลอีก ผู้เปิดประมูลต้องแปลความหมาย
ของผู้ตอบว่าคืออะไรเช่นเขาตอบมาว่า 2NT นั่นก็คือเขาไม่มีเมเจอร์
4ใบ และเขามีแต้ม 7-8 แต้ม คุณก็บวกแต้ม
2คนเข้าด้วยกันว่าได้เท่าไร ? ถ้าเกมส์ก็ยิง 3NT ถ้าไม่เกมส์ก้อ
ผ่าน
หาก 1NTแล้วคู่ขาตอบมาว่า 2C นั่นคือเขาเปิดช่องไว้ให้คุณเลือกพูด 2D,2H หรือ 2S
คุณก็พูดไปตามที่มี
โดย 2D แปลว่าไม่มีเมเจอร์
..2Hก็มีH (หรืออาจมี Sด้วยเพราะพูดได้ที่ละชุด)
..2Sก็มี Sและไม่มี Hเพราะได้ข้ามHไปแล้ว
ซึ่งถ้าสองใจมีเมเจอร์ตรงกันและรวมกันได้ถึง 8 ใบเมื่อไรก็ขอบอกว่าให้เล่นชุดนั้นเป็นทรั้มพ์จะปลอดภัยกว่า
การเล่นแบบ NTส่วนจะเล่นระดับเกมส์หรือไม่เกมส์ก็อยู่ที่แต้มที่รวมกันว่าได้
25 แต้มหรือเปล่า
..ความจริงที่น่าจะเป็นจริง
..
หาก 2 คนมีชุดใดรวมกันได้
8 ใบ (ปรปักษ์จะมีแค่ 5ใบ) คุณควรเล่นชุดนั้นเป็นทรั้มพ์เพราะชุดนี้คุณได้เปรียบเยอะ
หาก 2 คนมีชุดใดๆรวมกันได้
7 ใบ (ปรปักษ์ก็จะมี 6 ใบ) คุณควรเล่นแบบโนทรั้มพ์เพราะคุณไม่ได้เปรียบในชุดแต่
ได้เปรียบเฉพาะในแต้มที่มากกว่าปรปักษ์
u v w x
หน้า 10
การเปิดประมูลระดับ 2ใดๆ
เปิดประมูลด้วย 2C , 2D , 2H , 2S ต้องมีชุดนั้น 5ใบ-Up และมีแต้ม 22-Up ถ้ามี5ใบเกิน1ชุดก็เชิญคุณว่าไปเองได้เลย
เปิดประมูลด้วย 2NT ไพ่เฉลี่ย 4-3-3-3 ใบหรือ 4-4-3-2
ใบ มีแต้ม 22-24
แต้ม
.ก็โชว์ทั้งไพ่ทั้งแต้มใสแจ๋ว
การเปิดประมูลระดับ 3ใดๆ ( เรียกว่า Pre-m-tive) คือมีชุดนั้น 7ใบพอดีๆ โดยไม่มีชุดใดอื่นอีก และมีแต้ม 9-10แต้ม
หากมีเกิน 7ใบหรือมีชุด4 ใบอื่นใดรวมอยู่ด้วยนั่นคือลักษณะที่ไพ่เอียงมากๆปรปักษ์แทบจะกินไพ่คุณไม่ได้
เลยเพราะคู่ขาคุณอาจจะมี A,K
หรืออะไรที่เกื้อหนุนคุณซ่อนอยู่ การเปิดประมูลกรณีนี้จำต้องดูตัวไพ่เป็นตัวๆไป
ก็ขอยกให้นางฟ้าใจดีข้างโต้ะแข่งขันเป็นผู้ชี้แนะในขณะนั้นเลย
สำหรับมือใหม่จะไม่ถูกเข้มงวดกับกฎนัก
การเปิดประมูลระดับ 4-5-6-7 ใดๆ (เป็นการ Pre-m-tive)ก็เกือบเหมือนกับการประมูล 3
ใดๆ นั่นคือเกือบเหมือนกัน
ตรงนางฟ้าใจดี
การตอบเมื่อคู่ขาเปิดประมูลมาด้วย
2C , 2D , 2H , 2S
ตอบ 2NT เมื่อคุณไม่มีแต้ม คือ 0-5 แต้ม ตอบ 2 หรือ 3 ใดๆถ้าแต้มมากกว่านั้น
การตอบเมื่อคู่ขาเปิดประมูลมาด้วย 2NT ( 22-24 แต้ม 4-3-3-3 / 4-4-3-2 )
การตอบประยุกต์ขั้นตอนจากการตอบ 1NTที่ผ่านมาโดยตอบผ่านเพราะรู้ว่าแต้มไม่มีทางเกมส์ได้ หรือตอบ 3ชุดใดๆ
3D,3H,3S,4Cเนื่องจากมีชุดนั้นยาวเกินปกติ และไม่มีแต้มพอจะเกมส์ได้ ส่วน3Cก็ได้สงวนไว้ใช้เมื่อคิดจะเกมส์ด้วยเมเจอร์
เหมือนกับระดับ1NTที่ผ่านมา และหากแต้มเกมส์ได้ก็ตอบ3NTเมื่อไม่มีชุดเมเจอร์ (การเล่นบริดจ์แบบมีทรั้มพ์นั้นง่ายกว่าการเล่นแบบโนทรั้มพ์)
ถึงจุดนี้สำหรับการเล่นแบบNTคุณต้องลองเล่นให้ตกดูซะก่อนจึงจะเห็นว่าแม้จะมีแต้มรวมกันมากมายถึง28 แต้ม
ก็ตาม สาเหตุการตกมักจะมาจาก No Bridge (ไม่มีสะพาน) เนื่องจากคนหนึ่งมีแต้มมากถึง 23 อีกคนมีแค่ 5 แต้มส่วนการที่มี
25แต้มแล้วเล่น 3NTไม่ตกนั้น ปริมาณแต้ม 25แต้มนั้นต้องกระจายๆอยู่ในทั้ง 2 คนไม่ใช่ไปกองสุมอยู่กับใคร
การตอบเมื่อคู่ขาเปิดประมูลมาด้วย
3ใดๆ
นี่ต้องรอคำตอบจากสวรรค์จริงๆ ..เพราะสาเหตุที่คู่ขาเปิดประมูลสูงแบบนี้ก็คือ เพื่อเล่นให้ตก เพราะคาดว่าถ้าเล่นตกน้อยหากรวม
แต้มระหว่าสองห้องที่แข่งขันกันนั้นควรจะได้กำไร หมายถึงกำไรจากการแข่งขันนะไม่ใช่จากโรงพักตามแนวทางกฎของการตก
2 และ3(Rule Of Two And Three)และมีเจตนาหลักที่จะประมูลสูงๆเพื่อ Cut Communication ของปรปักษ์ซึ่งเขาอาจมีแต้มมาก
ถึงระดับเกมส์ เพื่อให้เขาหาชุด 8 ใบของพวกขาไม่เจอ
ดังนั้นการตอบก็ต้องใช้วิจารณาญานและประสพการณ์ส่วนตัวไปตามสภาพไพ่ในมือ
การตอบเมื่อคู่ขาเปิดประมูลมาด้วย 4 , 5 , 6 , 7 เจตนาของการเปิดเหมือนกับ ในระดับ 3เพียงมีแนวโน้มการเล่นตก
ให้มากตองขึ้นเพื่อกีดกัน Slamของปรปักษ์ไปในทีวิธีนี้ภาษาไทยสุภาพเราเรียกว่าซื้อไพ่ ซื้อContractฟังดูก็ออกจะ
หล่อแบบอังกฤษๆเนอะ ดีๆอย่างนี้หล่อๆอย่างนี้หากไปออกมองต่างมุมอาจจะเจอมุขไหนล่ะตัง..ซื้อก็เอาตังมาไม่จ่ายกะตังก็แย่งนะซี
แย่งไพ่
.
แย่งContract หรืออาจจะไปโน่น ปล้นไพ่
ปล้นContractทีนี้เลยไปเลย ไปหล่อแบบไทยภูกระดึงหรือเป็นหนังฝรั่งก็อาปาเช่
คอมมันชี่โน่นหล่อแบบอินเตอร์
ด้วยล่ะตัว
.ซึ่งออกจะใช้วิจารณาญานเปลืองหน่อยหากคิดจะตอบเมื่อเจอการเปิดประมูลลักษณะนี้
..ขออย่าได้เจอ
.อย่าได้เจอ
ไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ
..บาย